144 ปี ร่วมรำลึกถึง ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่ล้านนา

ร่วมรำลึกถึงพระนักพัฒนา ครูบาศรีวิชัย

หากใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่คุณอยากเดินทางไปเยือนสักครั้งคงจะต้องเป็นพระธาตุดอยสุเทพแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวที่สำคัญของเชียงใหม่ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าประวัติของเส้นทางการขึ้นดอยแห่งนี้ไม่ธรรมดา เพราะนี่เป็นจุดเริ่มต้นของคำนิยามที่ไม่เคยมีใครได้รับ นั่นคือ ‘พระนักพัฒนา

และหากคุณได้เดินทางไปเชียงใหม่แล้วกล่าวถามชาวบ้านว่าพระรักพัฒนาที่ว่าคือใคร ชาวบ้านก็พร้อมจะตอบเป็นเสียงเดียวกันแบบไม่ต้องคิดว่าบุคคลผู้นั้นคือ ครูบาศรีวิชัย ที่ท่านได้ทำการพัฒนาวัดวาอารมและถาวรวัตถุทางศาสนาอีกหลายสิบวัดในพื้นที่ภาคเหนือ

พระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
พระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่

ครูบาศรีวิชัย ผู้สร้างหนทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ


ซึ่งแต่เดิมวัดพระธาตุดอยสุเทพเป็นวัดที่หากใครต้องการเดินทางไปนมัสการจะต้องเดินเข้าขึ้นไปด้วยความบากลำบาก โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางราว ๆ 4 – 5 ชั่วโมง แต่แล้วครูบาศรีวิชัย ก็ได้ทำการริเริ่มการสร้างหนทางขึ้นดอยสุเทพที่ได้รับความร่วมแรงร่วมใจจากชาวล้านนาในสมัยนั้น โดยใช้เวลาในการสร้างเพียงแค่ 5 เดือนเศษ ที่สำคัญยังไม่ใช้งบประมาณของรัฐอีกด้วย

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ท่านเป็นร่มกาสาวพัสตร์ให้กับประชาชน ปฏิบัติศาสนากิจด้วยความบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งยังพัฒนาวัดวาอารามที่เสื่อมโทรมทางภาคเหนือ ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง แม้ว่าท่านจะไม่เคยได้รับสมณศักดิ์ใด ๆ ไม่มียศ หรือตำแหน่งทางคณะสงฆ์อย่างที่ควรจะเป็น แต่ท่านกลับได้รับความเลื่อมไสศรัทธาและได้รับความยกย่องจากชาวบ้านว่าเป็น นักบุญแห่งล้านนาไทย

144 ปี ร่วมรำลึกถึง ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่ล้านนา
144 ปี ร่วมรำลึกถึง ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่ล้านนา

แต่ด้วยความประสบผลสำเร็จทั้งปวง และความมีชื่อเสียงอันแรงกล้าของท่าน นั่นจึงทำให้คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เกิดความไม่พอใจ ทั้งยังกล่าวหาเอาผิดท่านมากถึง 3 ครั้ง ด้วยการให้เหตุผลว่าท่านไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของคณะแขวง ทั้งยังไม่สนใจจารีตแบบแผนการปกครองของคณะสงฆ์ฉบับใหม่ ด้วยเหตุผลนานาประการจึงทำให้ท่านต้องถูกนำไปสอบอยู่ที่กรุงเทพฯ หลายครั้ง และในตอนนั้นเองก็เกิดเป็นคำพูดอมตะที่ยากจะลืมว่า “หากน้ำปิงไม่ไหลย้อนขึ้นเหนือ จะไม่ขอไปเหยียบแผ่นดินเชียงใหม่”

และท่านก็ทำอย่างที่เคยกล่าวไว้จริง ๆ ว่าจะไม่กลับไปเหยียบผืนแผ่นดินเชียงใหม่ เพราะหลังจากที่ท่านถูกเรียกพบเป็นครั้งที่ 2 จนกระทั่งมรณภาพไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2481 ท่านก็ได้ถึงแก่กาลมรณภาพที่วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านเอง และมีพิธีพระราชทานเพลิงศพที่วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2489 ตามแบบประเพณีล้านนาไทย โดยไม่ได้กลับไปเยือนเชียงใหม่อีกเลย

ครูบาศรีวิชัย ผู้ได้รับความเลื่อมไสมาจนถึงปัจจุบัน


ซึ่งหลังจากที่ท่านมรณภาพก็มีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้มีการแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย เพื่อนำไปเคารพบูชา โดยอัฏฐิธาตุของท่านที่ทางเจ้าหน้าที่รวบรวมได้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ส่วน และแบ่งไปบรรจุไว้ตามวัดต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ ดังนี้

  1. วัดจามเทวี จังหวัดลำพูน
  2. วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่
  3. วัดพระแก้วดอนเต้า จังหวัดลำปาง
  4. วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา
  5. วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่
  6. วัดน้ำฮู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  7. วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
ครูบาศรีวิชัย ผู้สร้างหนทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ
ครูบาศรีวิชัย ผู้สร้างหนทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ

และถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพมาเป็นเวลามากกว่า 80 ปี แต่หากถามว่าชาวบ้านยังคงเลื่อมไสในตัวท่านอีกหรือไม่ คำตอบคือ ‘ใช่’ ซึ่งชาวบ้านต่างพากันเรียกครูบาศรีวิชัยว่า ‘ตนบุญ’ หรือ ‘นักบุญ’ ที่แสดงให้เห็นถึงการยกย่องนักบวชที่มีคุณสมบัติพิเศษ

โดยในวันที่ 11 มิถุนายน ของทุกปี ชาวล้านนาจะถือเอาวันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของครูบาเจ้าศรีวิชัย มหาสมณะเจ้า และในปี 2564 นี้ก็ถือเป็นวันครบรอบ 144 ปี ของนักตนบุญแห่งล้านนานั่นเอง

ซึ่งหากใครที่ต้องการเดินทางไปสักการะอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย สามารถเดินทางไปกราบไหว้ได้ที่ 7 วัดที่เรากล่าวไปข้างต้น แต่การเดินทางก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นมีประกันสุขภาพไว้ใช้ในช่วงเดินทางก็จะทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจ และสบายใจเที่ยวได้อย่างไม่มีสะดุดนะคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

News

ซัมเมอร์ต้องระวัง เปิดอันดับโรคร้ายที่มากับหน้าร้อน

หน้าร้อนไม่ได้มีแค่แสงแดดแรง ๆ ที่ทำร้ายสุขภาพผิวเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับ ‘โรคร้าย’ ที่ทุกคนต้องเตรียมรับมืออีกด้วย จะมีโรคร้ายไหนบ้างที่อันตรายต่อมนุษย์ วันนี้เรารวบรวมข้อมูลสำคัญมาให้อ่านกันอีกแล้ว 7 อันดับโรคร้ายที่มาพร้อมกับหน้าร้อน อีกเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้า ประเทศไทยก็กำลังจะเข้าสู่หน้าร้อนแบบเต็มรูปแบบแล้ว แต่เห็นร้อน ๆ แบบนั้นแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่แสงแดดอันร้อนแรงเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่อากาศร้อนยังส่งผลโดยตรงต่อความแห้งแล้ง ที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ‘เชื้อแบคทีเรีย’ ดังนั้นในช่วงซัมเมอร์ที่จะใกล้จะถึง ทุกคนต้องเตรียมรัยมือและเฝ้าระวังโรคร้ายที่แอบแฝงมากับความร้อน เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคร้ายหน้าร้อนจะมีอะไรบ้าง อาหารเป็นพิษ โรคยอดฮิตคืออาหารเป็นพิษ ที่เกิดขึ้นมาจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงอาหารประเภทสุก ๆ ดิบ ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการท้องร่วง คลื่นไส้ ปวดท้อง ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน และอาจมีไข้ หรือปวดศีรษะร่วมด้วย โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ติดต่อมาจากสัตว์สู่คน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว ลิง วัว ค้างคาว เป็นต้น สามารถติดต่อได้จากการโดนกัดหรือถูกเลียบริเวณที่มีแผลถลอก เป็นโรคร้ายที่ยังไม่มียารักษาได้ ทางเดียวที่พอทำได้คือการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และรักษาตามอาการเท่านั้น อหิวาตกโรค เกิดมาจากการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีแบคทีเรียปนเปื้อน แต่อาการจะมีความแตกต่างจากอาหารเป็นพิษ ตรงที่อหิวาตกโรคจะมีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย หรือมีมูกเลือดปน และมักมีไข้ร่วมด้วย […]

Read More
News

เชียงใหม่ Kick off เตรียมฉีดวัคซีนเด็ก หวังลดโอกาสติดเชื้อ

ละอ่อนเชียงใหม่ เข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม วันนี้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประชาชนทั่วประเทศต้องรับมือและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม อย่างล่าสุด จังหวัดเชียงใหม่เตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้ม ให้กับเด็กอายุ 5 – 11 ปี เพื่อให้เด็ก ๆ ปลอดภัยห่างไกลจากโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด หลังพบคลัสเตอร์กระจายในหลายโรงเรียน และหลายอำเภอทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เชียงใหม่ผงะ! พบคลัสเตอร์โรงเรียนระบาดหนัก ซึ่ง ณ ขณะนี้ในจังหวัดเชียงใหม่เกิดคลัสเตอร์ขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งในบริษัท หน่วยงาน สถานที่จัดงาน รวมไปถึงในโรงเรียน โดยการระบาดในโรงเรียนจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโรงเรียน คือ  โรงเรียนพิงครัตน์ พบ 2 ราย และโรงเรียนวชิรวิทย์ แผนกประถมศึกษา พบเพิ่ม 1 ราย รวม 2 ราย ซึ่งเป็นการแพร่ระบาดกันเองในกลุ่มนักเรียน อยู่ในระหว่างการสอบสวนและควบคุมโรค นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อกันในครอบครัว และพบมากขึ้นทุกวัน แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันผู้คนเริ่มป้องกันตัวเองลดน้อยลง ไม่ระวังตัว ป้องกันตนเองไม่ดี จนทำให้เกิดการสัมผัสผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น และหากไม่มีการกักตัวก็จะทำให้คนในครอบครัว หรือผู้ใกล้ชิดมีโอกาสผลบวกตามไปด้วย […]

Read More
News

วิธีใช้งานไมโครเวฟแบบผิด ๆ ไม่อยากเปลี่ยนใหม่อย่าหาทำ

ใช้งานไมโครเวฟด้วยวิธีผิด ๆ ชีวิตอาจเปลี่ยนได้ ไมโครเวฟจัดได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณได้แบบหลากหลาย ทั้งอุ่นอาหาร ทำอาหารมื้อเล็ก ๆ อบขนม (บางประเภท) ชงเครื่องดื่มแก้วโปรด หรือแม้แต่การละลายน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนอาหารแช่แข็งก็สามารถทำได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าความสะดวกเหล่านี้ หากคุณใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ไม่ได้ศึกษาวิธีการใช้อย่างรอบคอบ บางทีมันอาจกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายสุขภาพร่างกายของคุณ หรืออาจส่งผลเสียต่อระบบภายในของไมโครเวฟในระยะยาวก็ได้ และเพื่อความปลอดภัยของทุกคน วันนี้เรามาบอกต่อวิธีใช้ไมโครเวฟแบบผิด ๆ ที่ใครไม่อยากเปลี่ยนใหม่ หรือไม่อยากสุขภาพร่างกายแย่ อย่าหาทำเด็ดขาด วิธีใช้ไมโครเวฟแบบไหนบ้าง ที่เป็นอันตราย ไม่ควรทำ? อุ่นแก้วกาแฟกระดาษ ข้อแรกคอแฟทั้งหลายต้องระวังให้ดี เพราะการใส่แก้วกาแฟที่เป็นกระดาษไปในไมโครเวฟ ความร้อนภายในเครื่องจะทำให้แก้วละลาย ยุบตัว และเกิดรอยรั่วได้ ทางที่ดีหากต้องการดื่มแบบร้อน ๆ แนะนำให้เทเครื่องดื่มใส่แก้วเซรามิคหรือแก้วที่ระบุว่าสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้จะดีกว่า ได้ดื่มแบบหนำใจ แถมยังไม่มีสารเคมีปนเปื้อนอีกด้วย อุ่นอาหารด้วยภาชนะรีไซเคิล โดยปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นภาชนะรูปแบบไหนที่มีส่วนผสมของ ‘โลหะ’ หรือ ‘พลาสติก’ ที่ไม่ทนต่อความร้อน ก็ไม่ควรจะนำเข้าไปในไมโครเวฟอยู่แล้ว เพราะเสี่ยงต่อการเกิดประกายไฟที่เป็นอันตราย ทั้งยังเสี่ยงต่อการรับประทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อนด้วย อุ่นเครื่องดื่มจนเดือด กลับมาที่เมนูเครื่องดื่มกันอีกครั้ง สาเหตุที่ไม่ควรอุ่นเครื่องดื่มจนเดือดนั้นเป็นเพราะ เมื่อของเหลวมาเจอกับความร้อนที่มากกว่า 100 องศาเซลเซียสขึ้นไป จะทำให้เกิดการปะทุภายในและเป็นอันตรายทั้งกับตัวไมโครเวฟ และตัวคนทำเอง ทางที่ดีควรแบ่งระยะการอุ่นเป็นช่วงสั้น ๆ […]

Read More